ขอคืนอากรตามมาตรา 29
-
ระบุ 19bis = Y ที่ส่วนรายการในใบขนสินค้า
-
ระบุ Import Tax Incentives ID = เลขที่ทะเบียนผู้ใช้สิทธิตามมาตรา 29 ที่ส่วนรายการในใบขนสินค้า
-
ระบุ Privilege Code
- กรณีชำระอากร ให้ระบุตามสิทธิที่มีขณะนำเข้า เช่น มาตรา 12, WTO, TAU, AFTA
เป็นต้น และต้องคำนวณค่าภาษีอากรตามปกติ
- กรณีชำระอากร ให้ระบุตามสิทธิที่มีขณะนำเข้า เช่น มาตรา 12, WTO, TAU, AFTA
-
กรณีวางประกัน ตามมาตรา 30 ให้ระบุ Privilege Code = 000 ตามอัตราปกติเท่านั้น
-
การชำระอากรตรวจสอบกับหลักการ ตามมาตรา 29 เช่น
- ชำระอากรเต็มจำนวน
- ลดเหลือกึ่งหนึ่งจากอากรที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไป ตามมาตรา 12 พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (สำหรับ จดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์, บริษัทมหาชนจำกัด, สมาชิกสภาอุตสาหกรรม, สมาชิกหอการค้า, อื่น ๆ) ให้บันทึก Exemption Rate = 50
- ลดเหลือร้อยละ 5 จากอากรที่เรียกเก็บเป็นการทั่วไป ตามมาตรา 12 พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (สำหรับ Gold Card) ให้บันทึก Exemption Rate = 95
-
วางประกันตามมาตรา 30 สำหรับของนำเข้าตามมาตรา 29 ให้บันทึกการวางประกัน โดย ระบุรหัสเหตุผลการวางประกันมาในช่อง Deposit Reason Code (D09) ที่ส่วนรายการในใบขนสินค้า (Deposit) ระบุจำนวนเงินวางประกันมาในช่อง Deposit Amount ที่ส่วนรายการในใบขนสินค้า (Duty) และที่ส่วนรายการในใบขนสินค้า (Deposit)
- อากรศุลกากร ให้ยกยอดจากอากรศุลกากรที่ตรวจสอบกับหลักการ มาวางประกัน
- ภาษีสรรพสามิตและค่าภาษีอากรอื่น ๆ ต้องวางประกันเต็มจำนวน
- VAT ต้องชำระเต็ม ไม่สามารถวางประกันได้
- การวางประกันให้ ปัดเศษของสตางค์ (ทศนิยมหลักที่ 3) ตามหลักสากล
คลังสินค้าทัณฑ์บน
- ระบุ Bond = Y ที่ส่วนรายการในใบขนสินค้า
- ระบุ Import Tax Incentives ID = เลขที่ทะเบียนผู้ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ที่นำสินค้า เข้าเก็บ ที่ส่วนรายการในใบขนสินค้า
- ให้ระบุเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้นำเข้าตรงกับเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรที่จดทะเบียนคลังสินค้าทัณฑ์บน หรือผู้ที่เจ้าของคลังแจ้งอนุญาตไว้กับกรมศุลกากร
- ระบุ Privilege Code ตามสิทธิที่มีขณะนำเข้า เช่น มาตรา 12, WTO, TAU, AFTA เป็นต้น และต้องคำนวณค่าภาษีอากรตามปกติ
- ใช้สิทธิยกเว้นอากรให้ใส่ Exemption Rate = 100
- ระบุรหัสสถานที่นำเข้า (Discharge Port) เป็นรหัสสถานที่ของศุลกากร ณ ด่านศุลกากร ที่นำของเข้า (First Port)
- ระบุรหัสสถานที่ตรวจปล่อย (Release Port) ให้บันทึกข้อมูลรหัสสถานที่ตรวจปล่อย (Release Port) เป็น ด่านศุลกากร ที่นำของเข้า (First Port)
เขตปลอดอากร
เขตปลอดอากร (Free Zone)
- ระบุ Free Zone = Y ที่ส่วนรายการในใบขนสินค้า
- ระบุ Import Tax Incentives ID = เลขที่ทะเบียนผู้ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ที่นำสินค้า เข้าเก็บ ที่ส่วนรายการในใบขนสินค้า
- ให้ระบุเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้นำเข้าตรงกับเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรที่จดทะเบียนผู้ประกอบการในเขต Free Zone หรือ ผู้ที่ผู้ประกอบการในเขต Free Zone แจ้งอนุญาตไว้กับกรมศุลกากร
- ระบุ Privilege Code ตามสิทธิที่มีขณะนำเข้า เช่น มาตรา 12, WTO, TAU, AFTA เป็นต้น และต้องคำนวณค่าภาษีอากรตามปกติ
- ใช้สิทธิยกเว้นอากรให้ใส่ Exemption Rate = 100
- ระบุรหัสสถานที่นำเข้า (Discharge Port) เป็นรหัสสถานที่ของศุลกากร ณ ด่านศุลกากรที่ นำของเข้า (First Port) หรือโรงพักสินค้าหรือที่มั่นคง ซึ่งเป็นที่ตรวจและเก็บสินค้าดังกล่าว
- ระบุรหัสสถานที่ตรวจปล่อย (Release Port) ให้บันทึกข้อมูลรหัสสถานที่ตรวจปล่อย (Release Port) เป็น ด่านศุลกากร ที่นำของเข้า (First Port)
เขตประกอบการเสรี
เขตประกอบการเสรี (นิคมอุตสาหกรรม)
- ระบุ I-EA-T = Y ที่ส่วนรายการในใบขนสินค้า
- ระบุ Import Tax Incentives ID = เลขที่ทะเบียนผู้ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ที่นำสินค้า เข้าเก็บ ที่ส่วนรายการในใบขนสินค้า
- ให้ระบุเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้นำเข้า ตรงกับเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร ที่จดทะเบียนผู้ประกอบการในเขตประกอบการเสรี หรือ ผู้ที่ผู้ประกอบการในเขตประกอบการเสรี แจ้งอนุญาตไว้กับกรมศุลกากร
- ระบุ Privilege Code ตามสิทธิที่มีขณะนำเข้า เช่น มาตรา 12, WTO, TAU, AFTA เป็นต้น และต้องคำนวณค่าภาษีอากรตามปกติ
- ใช้สิทธิยกเว้นอากรให้ใส่ Exemption Rate = 100
- ระบุรหัสสถานที่นำเข้า (Discharge Port) เป็นรหัสสถานที่ของศุลกากร ณ ด่านศุลกากรที่ นำของเข้า (First Port) หรือโรงพักสินค้าหรือที่มั่นคง ซึ่งเป็นที่ตรวจและเก็บสินค้าดังกล่าว
- ระบุรหัสสถานที่ตรวจปล่อย (Release Port) ให้บันทึกข้อมูลรหัสสถานที่ตรวจปล่อย (Release Port) เป็น ด่านศุลกากร ที่นำของเข้า (First Port)
ส่งเสริมการลงทุน (BOI)
- ระบุ BOI = Y ที่ส่วนรายการในใบขนสินค้า
- ระบุ เลขที่บัตรส่งเสริมการลงทุน BOI ในช่อง BOI License Number ที่ส่วนรายการในใบขนสินค้า
- Privilege Code = 000 ตามอัตราปกติ หรือ 999 ตามพระราชกำหนด เท่านั้น
- ระบุเลขที่อนุมัติสั่งปล่อยของ BOI ส่วนใบอนุญาต
- การชำระอากร ให้ระบุ Exemption Rate = ตามที่ BOI อนุมัติให้ เช่น
- ยกเว้นอากร ให้บันทึก Exemption Rate = 100
- ลดเหลือกึ่งหนึ่ง ให้บันทึก Exemption Rate = 50
- ลดเหลือร้อยละ 5 ให้บันทึก Exemption Rate = 95
- การวางประกัน ให้ระบุรหัสเหตุผลการวางประกันมาในช่อง Deposit Reason Code (D10) ที่ส่วนรายการในใบขนสินค้า (Deposit) ระบุจำนวนเงินวางประกันมาในช่อง Deposit Amount ที่ส่วนรายการใน ใบขนสินค้า (Duty) และที่ส่วนรายการในใบขนสินค้า (Deposit)
- อากรศุลกากร ให้ระบุยอดวางประกัน ตามที่ BOI อนุมัติให้
- VAT ให้ระบุยอดวางประกัน ตามที่ BOI อนุมัติให้
- ภาษีสรรพสามิตและภาษีเพื่อมหาดไทย ต้องชำระเต็ม เท่านั้น
Re-Export
สิทธิคืนอากรของส่งกลับไปยังต่างประเทศ (Re-Export) ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร
- ผู้นำของเข้ามาในราชอาณาจักรและเสียอากรแล้ว หากส่งของนั้นกลับออกไปนอกราชอาณาจักร หรือส่งไปเป็นของใช้สิ้นเปลืองในเรือหรืออากาศยานที่เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรให้มีสิทธิขอคืนอากร
ขาเข้าสำหรับของนั้นเก้าในสิบส่วนหรือส่วนที่เกินหนึ่งพันบาทของจำนวนที่ได้เรียกเก็บไว้โดยคำนวณตาม
ใบขนสินค้าขาออกแต่ละฉบับ แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
- ต้องพิสูจน์ได้ว่าเป็นของรายเดียวกันกับที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร
- ต้องไม่นำของนั้นไปใช้ประโยชน์ในระหว่างที่อยู่ในราชอาณาจักร เว้นแต่การใช้ประโยชน์เพื่อส่งของนั้นกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และมิได้เปลี่ยนแปลงสภาพหรือลักษณะแห่งของนั้น
- ได้ส่งของนั้นกลับออกไปนอกราชอาณาจักรภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่นำของนั้นเข้ามาในราชอาณาจักร และ
- ต้องขอคืนอากรภายในกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ส่งของนั้นกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
- กรณีของที่จะส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรยังมิได้มีการปล่อยออกไปจากอารักขาของศุลกากร
- ระบุ Re-Export = Y ที่ส่วนรายการในใบขนสินค้าทุกรายการ
- มีเงื่อนไขต้องส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรทั้งฉบับ โดยให้ ชำระค่าภาษีอากรหนึ่งใน 10 หรือไม่เกิน 1,000 บาท ต่อใบขนสินค้าขาเข้า
- ระบุ Privilege Code ตามสิทธิที่มีขณะนำเข้า เช่น มาตรา 12, WTO, TAU, AFTA เป็นต้น
- ระบุTariff Code พิกัดอัตราศุลกากร ให้ตรงกับชนิดของที่จะส่งกลับออกไป
- อัตราอากร ใช้ Tariff Code และ Tariff Sequence ไปอ่านอัตราอากรที่ Table REFDRT
- วิธีการคำนวณ
-
ให้จัดทำใบขนสินค้าขาเข้าก่อน และนำ เลขที่ใบขนสินค้าขาเข้าพร้อมรายการไปบันทึกไว้ในใบขนสินค้าขาออก
-
กรณีของที่จะส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร อยู่นอกอารักขาของศุลกากรแล้ว ให้ทำใบขนสินค้าขาเข้าปกติ และจัดทำใบขนสินค้าขาออกโดยระบุในแต่ละรายการที่ส่งออกเป็น Re-Export และให้ระบุเลขที่ใบขนสินค้าขาเข้าพร้อมรายการ แล้วไปดำเนินการขอคืนอากรในระบบคืนอากรทั่วไปเมื่อส่งออกเรียบร้อยแล้ว
-
กรณีของที่จะส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรเพียงบางส่วน อนุญาตให้ทำ Re-Export ในอารักขาโดยให้ ชำระค่าภาษีอากรหนึ่งใน 10 หรือไม่เกิน 1,000 บาท ต่อใบขนสินค้าขาเข้า เฉพาะกรณีที่สามารถแยก D/O ได้เท่านั้น