หมวดที่ 3 การยื่นรายงานการนำของเข้า
ให้ผู้รับผิดชอบในการขนส่งของจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักร ทำการรายงานการนำของเข้ามาในราชอาณาจักร ก่อนการขนถ่ายของออกจากยานพาหนะที่ทำการขนส่งนั้นข้อ 8 การรายงานการนำของเข้า
ส่วนที่ 1 การรายงานเรือเข้าและการยื่นบัญชีสินค้าสำหรับเรือ
ข้อ 9 การลงทะเบียนเป็นผู้ยื่นรายงานเรือเข้าทางอิเล็กทรอนิกส์
- ให้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากนายเรือทำการลงทะเบียนเป็นผู้ยื่นรายงานเรือเข้าทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยระบุชื่อเรือที่ทำการรายงานเรือเข้าไว้ด้วย
- เมื่อได้รับอนุมัติจากกรมศุลกากรให้เป็นผู้รับส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจดังกล่าวเป็นผู้ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร
ข้อ 10 ให้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากนายเรือดำเนินการเกี่ยวกับการรายงานเรือเข้า
ข้อ 10 ให้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากนายเรือดำเนินการเกี่ยวกับการรายงานเรือเข้า ขออนุมัติเปิดระวางเรือ และการยื่นบัญชีสินค้าสำหรับเรือทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้
- การรายงานเรือเข้ามาในราชอาณาจักร
- 1.1. ก่อนเรือเข้ามาในราชอาณาจักร ให้ตัวแทนเรือจัดทำข้อมูลการรายงานเรือเข้า และการขอเปิดระวางเรือ (Vessel Schedule : VSED) ตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนด และส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ล่วงหน้าไม่น้อยกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง ยกเว้นเรือที่เดินทางมาจากประเทศเวียดนามและกัมพูชา ให้ส่งข้อมูลล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกชั่วโมง เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร โดยถือเป็นการยื่นรายงานเรือเข้าต่อศุลกากรแล้ว
- 1.2. เมื่อระบบคอมพิวเตอร์ของกรมศุลกากรรับข้อมูลรายงานเรือเข้าแล้วจะแจ้งกลับเลขที่รับรายงานเรือเข้า (Receive Control Number) ให้ผู้ส่งข้อมูลทราบ ถือเป็นการอนุญาตพิเศษ ให้เปิดระวางเรือเพื่อขนถ่ายของได้ทันที
- 1.3. เรือที่มาจากต่างประเทศนั้นไม่ต้องจอดทอดสมอเพื่อปฏิบัติพิธีการศุลกากรที่ด่านตรวจศุลกากร และให้เรือผ่านด่านตรวจเข้าเขตท่าภายในได้โดยไม่ต้องจัดพนักงานศุลกากรกำกับควบคุม
- 1.4. ให้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากนายเรือจัดทำข้อมูลรายงานเรือเข้าสำเร็จ โดยแจ้งวันนำเข้าจริงและเวลาที่เรือถึงเขตท่า (Actual Date, Actual Time) ตามมาตรฐาน ที่กรมศุลกากรกำหนด และส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร ให้ถือเป็นการลงรายละเอียดไว้ในสมุดทะเบียนเรือเข้าจากต่างประเทศหรือสมุดรับเรือ (แบบที่ 314) ประจำด่านตรวจนั้น ๆ แล้ว
- ให้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากนายเรือ และ / หรือ ผู้ที่ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ จากนายเรือมอบหมายให้รับส่งข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับเรือภายใต้เลขที่รับรายงานเรือเข้า
- 2.1 จัดทำข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับเรือ (Ship Agent Operator : SAOPER) ตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนด
- 2.2 จัดทำข้อมูลบัญชีตู้สินค้า (Container List : CLIS) และบัญชีคอนเทนเนอร์แรค (Container Rack) ตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนด
- 2.3 จัดทำข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับเรือรายใบตราส่งสินค้า (Master Sea Cargo Manifest : MMAN) ตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนด
- 2.4 โดยแยกข้อมูลบัญชีสินค้าถ่ายลำ, บัญชีสินค้าผ่านแดน, บัญชีสินค้าขนขึ้นท่านำเข้า, บัญชีสินค้าติดเรือ (Through Cargo) และบัญชีของที่ขนขึ้นท่าอื่นภายในราชอาณาจักรนอกจากท่านำเข้า (ไม่ต้องจัดทำสำเนาเดินทางในรูปแบบเอกสารอีก)
- 2.5 แล้วส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรภายใต้ เลขที่รับรายงานเรือเข้าภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่ได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ
- การสำแดงเครื่องหมายและเลขหมายหีบห่อ (Shipping Marks) ในข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับเรือ ถ้าข้อมูลเป็นรูปภาพให้บันทึกเป็น Picture แต่ถ้าเป็นข้อความให้บันทึกเป็นข้อความตามจริง
- ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรจะตรวจสอบความถูกต้องเบื้องต้นกับแฟ้มข้อมูลอ้างอิง
- 4.1 ถ้าพบข้อผิดพลาดในการตรวจสอบความถูกต้องเบื้องต้น ระบบคอมพิวเตอร์ ของศุลกากรจะตอบรหัสข้อผิดพลาด (Error Message) กลับไปให้ผู้ส่งข้อมูล
- 4.2 ถ้าไม่พบข้อผิดพลาดระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรจะนำข้อมูลชื่อเรือ วันเรือเข้า ตามบัญชีสินค้าสำหรับเรือนั้น ๆ เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต ให้ผู้นำของเข้าทราบเพื่อดำเนินการต่อไป
ข้อ 11 การแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับเรือทางอิเล็กทรอนิกส์
- ภายในกำหนดสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่ได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ สามารถส่งข้อมูล ทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรเพื่อแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับเรือภายใต้ เลขที่รับรายงานเรือเข้าได้โดยไม่ต้องพิจารณาความผิด
- การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับเรือภายหลังสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่ได้รับการรายงานเรือเข้าสำเร็จ ให้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากนายเรือจัดทำคำร้องขอแก้ไข (Amend Should Be / Shortlanded / Overlanded) ยื่นต่อหน่วยควบคุมการขนถ่าย ณ ด่านศุลกากร เพื่อพิจารณาอนุญาตและพิจารณาความผิดเป็นการเฉพาะเป็นราย ๆ ไป แล้วพนักงานศุลกากรจะทำการบันทึกแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับเรือในระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรต่อไป
- กรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรได้ทำการตรวจสอบข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้ากับ บัญชีสินค้าสำหรับเรือและทำการตัดบัญชีสินค้าให้โดยอัตโนมัติแล้ว ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร จะไม่ยอมรับข้อมูลแก้ไขใบตราส่งดังกล่าวอีก
ข้อ 12 ข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับเรือที่ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง
ข้อ 12 ข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับเรือที่ต้องแก้ไขให้ถูกต้องก่อนส่งใบขนสินค้าเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร คือข้อมูลดังต่อไปนี้
- ชื่อเรือ
- รหัสสถานที่นำเข้า (Discharge Port)
- วันเรือเข้า (Arrival Date)
- เลขที่ใบตราส่ง (Bill of Lading)
- ชื่อผู้นำเข้าภาษาอังกฤษเพื่อใช้ตรวจสอบกับชื่อผู้รับสินค้า (Consignee Name or Notify Party Name)
- จำนวนหีบห่อรวม (Total Package Amount)
- ลักษณะหีบห่อรวม (Total Package Unit)
- น้ำหนักรวม (Gross Weight)
- หน่วยของน้ำหนักรวม (Gross Weight Unit)
กรณีข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับเรือผิดเล็กน้อย หากเห็นว่าไม่ทำให้ความหมายผิดไปหรือยังอ่านได้ ความหมายเดิม ไม่ต้องยื่นขอแก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือแต่อย่างใด เช่น
- บัญชีสินค้าสำหรับเรือพิมพ์รายการสิ่งของผิดหรือพิมพ์ตกเป็นบางตัวอักษรแต่อ่านได้ ความหมายเดิมเช่นพิมพ์คำว่า “Pleyer” แต่ในใบขนสินค้าสำแดงว่า “Player” เป็นต้น
- บัญชีสินค้าสำหรับเรือแสดงเครื่องหมายและเลขหมายหีบห่อว่า “B.C.L.#1 / 5” แต่ในใบขนสินค้าแสดงว่า “B.C.L.#1 / 5 Bangkok” หรือแสดงลักษณะหีบห่อไว้อย่างย่อ ๆ ว่า “P’kgs” “C / S” “B’dles” แต่ใบขนสินค้าแสดงเต็มว่า “Package” “Cases” “Bundles”
ข้อ 13 การแก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ
ข้อ 13 การแก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ .ให้เป็นหน้าที่ของนายเรือหรือตัวแทนที่จะขอยื่นแก้ไข บัญชีสินค้าสำหรับเรือให้ถูกต้องก่อนการตรวจปล่อยของออกจากอารักขาศุลกากร ดังนี้
- เงื่อนไขการอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ
- 1.1. ถ้ามีการอายัดหรือยึดหรือหน่วยงานควบคุมทางศุลกากร หรือสำนักสืบสวนและปราบปราม มีหนังสือขอตรวจสอบของที่นำเข้าไว้จะแก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือได้เมื่อได้มีการวินิจฉัย เรื่องของที่อายัดหรือยึดไว้ หรือของตามที่หน่วยงานควบคุมทางศุลกากร หรือสำนักสืบสวนและปราบปรามขอตรวจสอบนั้นเสร็จเด็ดขาดแล้ว
- 1.2. ผู้นำของเข้าที่ถูกสั่งงดปฏิบัติพิธีการจะแก้ไขได้เมื่อหน่วยงานฯ ที่สั่งงดได้สั่งยกเลิกการงดปฏิบัติพิธีการแล้ว
- 1.3. กรณีเรือคอนเทนเนอร์ที่มีตู้คอนเทนเนอร์นำเข้ามาโดยหลายเจ้าของในเรือลำเดียวกันให้แต่ละบริษัทฯ เจ้าของตู้คอนเทนเนอร์เป็นผู้ยื่นคำร้องขอแก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ
- 1.4. การขอแก้ไข/เปลี่ยนแปลงรายการในกรณีต่อไปนี้ จะแก้ไขได้เมื่อพนักงานศุลกากร ผู้ได้รับมอบหมายได้ตรวจสอบหลักฐานให้ได้ข้อเท็จจริงว่าไม่มีการทุจริต
- กรณีเปลี่ยนแปลงจำนวนหีบห่อลดลงหรือเพิ่มขึ้นจากที่ได้สำแดงไว้เดิม
- กรณีเปลี่ยนแปลงชนิดของให้ต่างไปจากที่สำแดงไว้เดิม
- กรณีเปลี่ยนแปลงชนิดของจากของต้องห้ามต้องกำกัด หรือของที่มีอากรสูงเป็นของอย่างอื่นซึ่งไม่เป็นของต้องห้ามต้องกำกัดหรือของต้องชำระอากรต่ำ
- การอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ
-
2.1. กรณีของขาด (Shortlanded)
- หากปรากฏว่าหีบห่อของที่นำเข้ามามีจำนวนน้อยกว่าที่สำแดงในบัญชีสินค้า สำหรับเรือหรือหีบห่อของที่สำแดงไว้ในบัญชีสินค้าสำหรับเรือไม่มีการนำเข้า
- เอกสารที่ยื่นประกอบการพิจารณานายเรือ หรือตัวแทนเรือ หรือเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์จะต้องยื่นเอกสารต่อหน่วยงานตรวจปล่อย ณ ด่านศุลกากรที่นำของเข้าดังนี้
- (1) คำร้องขอแก้ไขซึ่งระบุเลขที่ใบตราส่ง (B/L) เครื่องหมายและเลขหมายจำนวนและลักษณะหีบห่อน้ำหนักชนิดของชื่อผู้รับตราส่งและเหตุผลที่ขอแก้ไขกรณีของขาดบางส่วน ให้ระบุจำนวนเดิมและจำนวนที่ขอแก้ไขไว้ในคำร้องด้วย
- (2) แบบอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ (แบบที่ 29)
- (3) รายการสินค้าขาดและเกินจากบัญชีสินค้าเรือ (Short and Overlanded Cargo List) ของโรงพักสินค้า
- (4) สำเนาใบรายการขนสินค้าจากเรือ (Tally Sheet) ของโรงพักสินค้าและ / หรือตัวแทนเรือ
- (5) โทรสาร (Fax) โทรเลข (Telex) หรือ E-mail หรือเอกสารอื่น ที่เชื่อถือได้จากท่าต้นทางที่บรรทุกสินค้า
-
2.1.3 การพิจารณาตรวจสอบและอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ
- (1) ให้พนักงานศุลกากรหน่วยงานตรวจปล่อยลงทะเบียนรับคำขอแก้ไขและตรวจสอบลายมือชื่อของผู้มีอำนาจลงนามตามที่บริษัทตัวแทนเรือยื่นไว้ตลอดจนความครบถ้วน และรายละเอียดในเอกสารประกอบการพิจารณาแล้วบันทึกหมายเหตุการยื่นขอแก้ไขไว้ในบัญชีสินค้าสำหรับเรือว่า “Amend….…(การขอแก้ไข)…..” พร้อมลงลายมือชื่อและรับรองผลการตรวจสอบในคำขอแก้ไขแล้วเสนอหัวหน้าหน่วยงานตรวจปล่อยหรือผู้ทำการแทนเพื่อพิจารณาต่อไป
- (2) ให้หัวหน้าหน่วยงานตรวจปล่อยหรือผู้ทำการแทนสั่งการให้พนักงานศุลกากรประจำเรือหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายตรวจสอบความถูกต้องและสมบูรณ์ของเอกสารประกอบการพิจารณา ซึ่งจะต้องไม่อยู่ในเงื่อนไขตามประมวลวิธีปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. 2560 สำหรับกรณีของ Shortlanded บางส่วนให้ตรวจสอบเครื่องหมายและเลขหมายหีบห่อสินค้าที่เหลือด้วย
- (3) เมื่อพนักงานศุลกากรประจำเรือหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายตรวจสอบ จนเป็นที่แน่ชัดว่าถูกต้องตรงตามคำขอแก้ไขให้บันทึกผลการตรวจสอบและเสนอความเห็นพร้อมลงลายมือชื่อ และวันเดือนปีรับรองในแบบที่ 29 เพื่อให้หัวหน้าหน่วยงานตรวจปล่อยหรือผู้ทำการแทนพิจารณาอนุญาตและลงลายมือชื่อในแบบที่ 29 ต่อไปกรณีที่ต้องพิจารณาความผิดกับนายเรือหรือตัวแทนเรือหรือเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์ให้ส่งหน่วยงานคดีพิจารณาแล้วให้บันทึกผลการพิจารณาและเลขที่แฟ้มคดีไว้ในแบบที่ 29 ด้วย
- (4) ให้พนักงานศุลกากรบันทึกข้อมูลการแก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือในระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรแล้วหมายเหตุเพิ่มเติมไว้ในบัญชีสินค้าสำหรับเรือพร้อมเก็บเอกสารหลักฐานไว้เพื่อปิดบัญชีสินค้าสำหรับเรือต่อไป
-
2.2. กรณีของเกิน (Overlanded)
- หากปรากฏว่ามีหีบห่อของซึ่งมิใช่หีบห่อส่วนตัวคนโดยสารในเรือและไม่ได้สำแดงไว้ในบัญชีสินค้าสำหรับเรือนายเรือหรือตัวแทนเรือหรือเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์ต้องยื่นบัญชีเพิ่มเติมแสดงรายการหีบห่อนั้นให้ครบถ้วนหรือขออนุญาตเพิ่มเติมบัญชีสินค้าสำหรับเรือถ้าเรือลำใดกระทำผิดบ่อยครั้งหรือมีพฤติการณ์ส่อไปในลักษณะที่สมคบกันนำของเข้ามาโดยไม่แจ้งไว้ในบัญชีสินค้าสำหรับเรือเจตนาเพื่อลักลอบหนีศุลกากรให้พิจารณาลงโทษได้
- เอกสารที่ยื่นประกอบการพิจารณา
- (1) คำร้องขอแก้ไขที่ระบุเครื่องหมายและเลขหมายจำนวนและลักษณะหีบห่อน้ำหนักชนิดของชื่อผู้รับตราส่งของที่เกินมาพร้อมเหตุผลโดยแยกให้เห็นได้ชัดเจนและระบุข้อความ “สำแดงไว้เดิม……..” “แก้ไขเป็น…………”
- (2) แบบอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ (แบบที่ 29)
- (3) รายการสินค้าขาดและเกินจากบัญชีสินค้าสำหรับเรือ (Short and Overlanded Cargo List) ของโรงพักสินค้า
-
2.2.3 การพิจารณาตรวจสอบและอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ กรณีของเกินให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับข้อ (2.1.3)
ของเกิน (Overlanded) ที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรเกินกว่าสามสิบวันนับแต่วันเรือเข้า และไม่ได้มายื่นบัญชีเพิ่มเติมแสดงรายการหีบห่อของนั้นให้ครบถ้วนหรือขออนุญาตเพิ่มเติมบัญชีสินค้าสำหรับเรือ ให้พนักงานศุลกากรประจำเรือลำนั้นพิจารณาเสนอหัวหน้าหน่วยงาน ตรวจปล่อยหรือผู้ทำการแทน มีหนังสือแจ้งไปยังตัวแทนเรือที่นำของเข้ามาเพื่อให้มาดำเนินการภายในสิบห้าวัน นับแต่วันรับหนังสือแจ้ง โดยในหนังสือแจ้งให้มีข้อความว่า “หากไม่ไปดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดจะพิจารณาความผิดและถือเป็นของตกค้างตามกฎหมายศุลกากร”
เมื่อครบกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่มีหนังสือแจ้งตัวแทนของเรือที่นำของเข้า ไม่ได้ยื่นบัญชีเพิ่มเติมแสดงรายการหีบห่อของนั้นให้ครบถ้วนหรือขออนุญาตเพิ่มเติมบัญชีสินค้าสำหรับเรือ และไม่มีใบขนสินค้าอันได้รับรองและชำระอากรหรือวางประกันค่าอากรที่พึงเรียกเก็บแก่ของนั้น ให้พิจารณาความผิดบริษัทตัวแทนเรือและให้ดำเนินการกับหีบห่อของนั้นเช่นของตกค้างทั่วไปโดยถือว่าบริษัทตัวแทนเรือนั้นเป็นผู้นำของเข้า
-
2.3 กรณีอื่น ๆ (Should Be)
- 2.3.1. การขอแก้ไขชื่อผู้รับตราส่งหรือที่อยู่ (Amend Should Be Consignee or Address)
-
- กรณีชื่อผู้รับตราส่งหรือที่อยู่ไม่ถูกต้องให้นายเรือหรือตัวแทนเรือหรือเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์ยื่นขอแก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือให้ถูกต้อง เช่น
- 1.1. บัญชีสินค้าสำหรับเรือสำแดงชื่อผู้รับตราส่ง และ / หรือ ที่อยู่ไว้ไม่เฉพาะเจาะจงโดยใช้คำว่า “Order” แต่ใบขนสินค้าสำแดงชื่อผู้รับตราส่ง และ / หรือ ที่อยู่ตรงตามความเป็นจริง
- 1.2 มีการโอนกรรมสิทธิ์หรือมีการซื้อขายกันแล้วทำให้ชื่อผู้รับตราส่งไม่ถูกต้องตรงกับความเป็นจริง หรือผู้รับตราส่งมีที่อยู่หลายแห่ง
- 1.3 บัญชีสินค้าสำหรับเรือสำแดงชื่อบริษัทตัวแทนเรือหรือผู้รับช่วงสิทธิ (Agent or Forwarder) หรือตัวแทนผู้ขายภายในประเทศกรณีที่ขนส่งโดยระบบคอนเทนเนอร์ทั้งประเภทบรรจุสินค้าหลายเจ้าของ (LCL) หรือบรรจุสินค้าเจ้าของเดียว (FCL) โดยไม่ได้สำแดงชื่อผู้รับตราส่งหรือผู้นำของเข้าที่แท้จริง
- 1.4. กรณีนิติบุคคลให้ตรวจสอบผู้มีอำนาจลงนามในหนังสือรับรองการจดทะเบียน กระทรวงพาณิชย์ ทั้งผู้โอนและผู้รับโอน กรณีเป็นบุคคลธรรมดาให้ตรวจสอบ บัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง (Passport)
-
- เอกสารที่ยื่นประกอบการพิจารณา
- 2.1. คำร้องขอแก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือซึ่งต้องระบุเลขที่ใบตราส่ง (B / L) เครื่องหมายและเลขหมายจำนวนและลักษณะหีบห่อน้ำหนักชนิดของชื่อผู้รับตราส่ง และ/หรือ ที่อยู่พร้อมเหตุผลโดยแยกให้เห็นได้ชัดเจนและระบุข้อความ “สำแดงไว้เดิม…….” และ “แก้ไขเป็น………”
- 2.2. แบบอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ (แบบที่ 29)
- 2.3. หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์หรือหลักฐานการโอนกรรมสิทธิ์ หรือหลักฐานการซื้อขายเช่นใบสั่งปล่อย (Delivery Order : D / O) หรือใบตราส่งสินค้าหรือบัญชีราคาสินค้า (Invoice) หรือเอกสารหลักฐานอื่นซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่าเป็นผู้นำของเข้าที่แท้จริงเป็นต้น การขอแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงชื่อผู้รับตราส่ง (Consignee) กรณีมีผลกระทบต่อค่าภาษี และ / หรือ ภาษีมูลค่าเพิ่มอันเป็นเหตุทำให้เงินอากรต่ำลงเช่นโอนหรือขายให้แก่สถานทูต หรือผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนซึ่งมีสิทธิหรือได้รับสิทธิยกเว้นหรือลดหย่อนอากรให้เรียกหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเช่นหนังสือรับรองของหน่วยราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นต้นเพื่อนำมาประกอบการพิจารณา
-
- การพิจารณาตรวจสอบและอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ
- 3.1 การพิจารณาตรวจสอบและอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้า สำหรับเรือกรณีแก้ไขชื่อผู้รับตราส่งหรือที่อยู่ตามความเป็นจริง (Amend Consignee or Address) ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับข้อ (2.1.3)
- 3.2. ให้ตรวจสอบลายมือชื่อและตราบริษัท (ถ้ามี) ในหลักฐานการโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างผู้โอนและผู้รับโอนให้ถูกต้องตรงกับหลักฐานที่ได้ยื่นไว้ต่อกรมศุลกากร หรือหลักฐานอื่นที่หน่วยราชการออกให้
- 3.3 กรณีแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อผู้รับตราส่งเป็นคนละราย และไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานการโอนสิทธิ์มาแสดงได้ให้รายงานหัวหน้าหน่วยงานตรวจปล่อยหรือผู้ทำการแทนเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป
-
- 2.3.2. การขอแก้ไขชนิดของหรือรายละเอียดของ (Amend Should Be Description)
-
- กรณีบัญชีสินค้าสำหรับเรือสำแดงชนิดของหรือรายละเอียดของ ไม่ชัดเจน เป็นชนิดสินค้าแบบไม่เจาะจง เช่น “vehicle” ไม่สำแดงว่ารถอะไร Brand รุ่นอะไร หรือ สำแดง“Merchandise” “Piece Goods” “Cotton” “Notions” “Sundries” เป็นต้นหรือสำแดงว่า “Cloths” ให้นายเรือหรือตัวแทนเรือหรือเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์ยื่นขอแก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือให้ถูกต้องโดยต้องพิจารณาความผิดก่อน
-
- เอกสารที่ยื่นประกอบการพิจารณา
- คำร้องขอแก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือซึ่งต้องระบุเลขที่ใบตราส่ง (B / L) เครื่องหมายและเลขหมายจำนวนและลักษณะหีบห่อน้ำหนักชนิดของชื่อผู้รับตราส่งและที่อยู่พร้อมเหตุผลโดยแยกให้เห็นได้ชัดเจนและระบุข้อความ “สำแดงไว้เดิม…….” และ “แก้ไขเป็น………”
- แบบอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ (แบบที่ 29)
- ใบสั่งปล่อยของบริษัทตัวแทนเรือ (Delivery Order : D / O) หรือ ใบตราส่ง (Bill of Lading : B / L)
- บัญชีราคาสินค้า (Invoice) หรือเอกสารอื่นที่ใช้เป็นหลักฐานการสั่งซื้อสินค้า เช่น Commercial Invoice หรือ Performa Invoice หรือ Sale Contract เป็นต้น
- การพิจารณาตรวจสอบและอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ การพิจารณาตรวจสอบและอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือกรณีแก้ไขชนิดของ หรือรายละเอียดของตามความเป็นจริงให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับข้อ (2.1.3)
-
- 2.3.3. การขอแก้ไขเครื่องหมายและเลขหมาย (Amend Should Be Mark & Number)
-
- หากตรวจพบว่าบัญชีสินค้าสำหรับเรือสำแดงเครื่องหมายและเลขหมายหีบห่อต่างจากที่สำแดงในใบขนสินค้า ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบของได้ถูกต้องให้นายเรือหรือตัวแทนเรือ หรือเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์ยื่นขอแก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือให้ถูกต้อง เช่น
- บัญชีสินค้าสำหรับเรือสำแดงเครื่องหมายเลขหมายหีบห่อว่า “Address” แต่ในใบขนสินค้าสำแดงเครื่องหมายและเลขหมายตามที่ระบุไว้บนหีบห่อแต่ชนิดของตรงกัน
- บัญชีสินค้าสำหรับเรือสำแดงเครื่องหมายว่า “AB” ในใบขนสินค้าสำแดงว่า “CD” แต่ของตรงกันหรือบัญชีสินค้าสำหรับเรือสำแดงว่า “เลขหมาย 1 / 10” แต่มีของเข้ามาจำนวนเจ็ดหีบห่อและตามใบขนสินค้าสำแดงเจ็ดหีบห่อ
- บัญชีสินค้าสำหรับเรือผิดมากจนตรวจสอบให้ถูกต้องไม่ได้เช่นบัญชีสินค้าสำหรับเรือสำแดงเครื่องหมาย “BC15” แต่ใบขนสินค้าสำแดง “BC20L” และรายการของไม่ตรงกันเพราะเป็นของตามใบตราส่งต่างฉบับกัน
-
- เอกสารที่ต้องยื่นประกอบการพิจารณา
- คำร้องขอแก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือซึ่งต้องระบุเลขที่ใบตราส่ง (B / L) เครื่องหมายและเลขหมายจำนวนและลักษณะหีบห่อน้ำหนักชนิดของชื่อผู้รับตราส่งและที่อยู่พร้อมเหตุผลโดยแยกให้เห็นได้ชัดเจนและระบุข้อความ “สำแดงไว้เดิม…….” และ “แก้ไขเป็น………”
- แบบอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ (แบบที่ 29)
- ใบสั่งปล่อยของบริษัทตัวแทนเรือ (Delivery Order : D/O)
- สำเนาใบรายการขนสินค้าจากเรือ (Tally Sheet) ของโรงพักสินค้า และ/หรือ ตัวแทนเรือ
-
- การพิจารณาตรวจสอบและอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ
- การพิจารณาตรวจสอบและอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือกรณีแก้ไขเครื่องหมายและเลขหมายตามความเป็นจริงให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับข้อ (2.1.3)
- ให้ตรวจสอบเครื่องหมายและเลขหมายที่หีบห่อของที่นำเข้าจริง
-
- 2.3.4. การขอแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนหรือรายการหรือยอดรวมสำหรับของที่บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์
-
- ของที่ขนส่งโดยระบบตู้คอนเทนเนอร์ทั้งประเภทบรรจุสินค้า หลายเจ้าของ (LCL) และบรรจุสินค้าเจ้าของเดียว (FCL) หากปรากฏว่าบัญชีสินค้าสำหรับเรือไม่ได้สำแดงของในตู้คอนเทนเนอร์หรือสำแดงจำนวนไม่ครบถ้วนจะต้องตรวจสอบด้วยว่ามีหมายเลขตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งบรรจุของดังกล่าวระบุไว้ในบัญชีรายละเอียดตู้คอนเทนเนอร์ (Inward Container List) จึงจะอนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมได้
-
- เอกสารที่ต้องยื่นเพื่อประกอบการพิจารณา
- คำร้องขอแก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือซึ่งต้องระบุเลขที่ใบตราส่ง (B / L) เครื่องหมายและเลขหมายจำนวนและลักษณะหีบห่อน้ำหนักชนิดของชื่อผู้รับตราส่งและ / หรือ ที่อยู่ พร้อมเหตุผล
- แบบอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ (แบบที่ 29)
- ใบสั่งปล่อยของบริษัทตัวแทนเรือ (Delivery : D/O) หรือใบตราส่ง (Bill of Lading : B/L)
-
- การพิจารณาตรวจสอบและอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ
- การพิจารณาตรวจสอบและอนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือ กรณีขอเพิ่มเติมจำนวนหรือรายการหรือยอดรวมตามความเป็นจริงให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับข้อ (2.1.3)
- ให้ตรวจสอบจำนวนของจริงที่นำเข้า
-
- 2.3.1. การขอแก้ไขชื่อผู้รับตราส่งหรือที่อยู่ (Amend Should Be Consignee or Address)
-
ข้อ 14 การบันทึกรายการในคอมพิวเตอร์
เมื่ออนุญาตให้แก้ไขบัญชีสินค้าสำหรับเรือแล้ว ให้พนักงานศุลกากรหน่วยงานตรวจปล่อยบันทึกรายการแก้ไขลงในบัญชีสินค้าสำหรับเรือในระบบคอมพิวเตอร์ และ / หรือ ฉบับเอกสารพร้อมจัดเก็บแบบใบอนุญาต (แบบที่ 29) ไว้เป็นหลักฐานต่อไป
ข้อ 15 การยื่นบัญชีสินค้าสำหรับเรือกรณีอื่น ๆ โดยมิได้ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
- กรณียื่นเอกสารประกอบการรายงานเรือเข้าอื่น ๆ ให้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากนายเรือจัดทำบัญชีและเอกสารประกอบการรายงานเรือเข้าในรูปเอกสารยื่นต่อหน่วยควบคุมการขนถ่าย ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เรือมาถึงท่าในราชอาณาจักร ดังนี้
- 1.1. บัญชีแสดงจำนวนคนโดยสาร
- 1.2. บัญชีแสดงจำนวนรายชื่อ และตำแหน่งหน้าที่คนในเรือทุกแผนก
- 1.3. บัญชีแสดงจำนวนอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนที่คนโดยสารนำเข้ามา
- 1.4. บัญชีแสดงจำนวนอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด (ซึ่งเป็นของเจ้าหน้าที่เรือ) หรือเป็นของใช้ประจำเรือ (ถ้ามิได้แจ้งไว้ในรายงานเรือ)
- 1.5. บัญชีแสดงจำนวนของใช้ และอาหารของคนในเรือแผนกต่าง ๆ ซึ่งต้องเป็นของใช้ที่จำเป็นของแต่ละบุคคลและมีจำนวนพอสมควรเท่านั้น
- 1.6. บัญชีแสดงจำนวนสุรา บุหรี่
- 1.7. บัญชีแสดงจำนวนห่อพัสดุหรือถุงเมล์
- 1.8. บัญชีแสดงจำนวนสัตว์ พืช
- 1.9. บัญชีแสดงจำนวนยาเสพติดให้โทษที่เป็นของลูกเรือหรือของประจำเรือ
- กรณีการเริ่มขนถ่ายของโดยมิต้องยื่นข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับเรือเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร
- 2.1. ให้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากนายเรือยื่นคำร้องขออนุญาตพิเศษเป็นลายลักษณ์อักษรต่อผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรที่นำของเข้าได้ในกรณีที่จะขนถ่ายของของทางราชการ หรือในกรณีที่จะบรรทุกของขาออกลงในเรือที่เข้ามามีแต่อับเฉา
- 2.2. ในการอนุญาตพิเศษนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรที่นำของเข้าหรือผู้ที่ได้ รับมอบหมายต้องเขียนหรือพิมพ์ลงไว้ให้ชัดเจนในใบอนุญาตพิเศษว่าอนุญาตให้ทำการอย่างใด และบันทึกวันเวลาที่ออกใบอนุญาตพิเศษฉบับนั้นด้วย
ข้อ 16 การแสดงรายการลงในบัญชีสินค้าสำหรับเรือ
บัญชีสินค้าสำหรับเรือนั้นต้องแสดงรายการของทุกอย่างที่บรรทุกมากับเรือโดยถูกต้องครบถ้วน เว้นแต่ หีบห่อของใช้ส่วนตัวโดยสุจริตที่ผู้โดยสารเรือลำนั้นนำเข้ามาพร้อมกับตนบรรดาหีบห่อที่มีของอยู่ภายใน ต้องมีเครื่องหมายและเลขหมาย และต้องแสดงเครื่องหมายและเลขหมายเช่นว่านั้นลงไว้ในบัญชีสินค้าสำหรับเรือบัญชีสินค้า สำหรับเรือที่ยื่นในการรายงานเรือเข้าต้องแสดงน้ำหนักสินค้าแต่ละรายการเป็นมาตราเมตริก ถ้าแสดงไม่ได้ให้แสดงมาตราเมตริกไว้ในยอดรวมแยกไว้ต่างหาก
การแสดงน้ำหนักสินค้าเป็นมาตราเมตริกนั้น สำหรับสินค้าโดยทั่ว ๆ ไป ถือว่าเป็นน้ำหนักที่ได้จากการชั่งสินค้ารวม สิ่งห่อหุ้ม (Gross Weight) เว้นเสียแต่สินค้าบางชนิดซึ่งไม่สะดวกในการที่จะชั่งหาน้ำหนักได้ เช่น ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเหลว แก๊ส ไม้ซุงหรือไม้แปรรูปก็ให้ใช้วิธีคำนวณหาจากปริมาตรที่ตรวจวัดได้ โดยถือห้าสิบคิวบิตฟิตเป็นหนึ่งตัน
ของที่มีรายการในบัญชีสินค้าสำหรับเรือแสดงเมืองตราส่งเป็นท่าใด ต้องขนขึ้นไว้ ณ ท่านั้น จะไม่ขอขนขึ้นและหรือจะนำติดเรือกลับออกไปไม่ได้
เรือที่บรรทุกคอนเทนเนอร์เข้ามามีหลายเจ้าของในเรือลำเดียวกัน ให้ปฏิบัติดังนี้ข้อ 17 เรือที่บรรทุกคอนเทนเนอร์เข้ามามีหลายเจ้าของ
ส่วนที่ 2 การรายงานอากาศยานเข้าและการยื่นบัญชีสินค้าสำหรับอากาศยาน
ข้อ 18 การลงทะเบียนเป็นผู้ยื่นรายงานอากาศยานเข้าทางอิเล็กทรอนิกส์
- ให้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากผู้ควบคุมอากาศยานหรือตัวแทนอากาศยานทำการลงทะเบียนเป็นผู้ยื่นรายงานอากาศยานเข้าทางอิเล็กทรอนิกส์
- เมื่อได้รับอนุมัติจากกรมศุลกากรให้เป็นผู้รับส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจดังกล่าวเป็นผู้ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร
ข้อ 19 ให้ผู้ควบคุมอากาศยาน หรือผู้รับมอบอำนาจจากผู้ควบคุมอากาศยาน ขออนุมัติเปิดระวางอากาศยาน
ข้อ 19 ให้ผู้ควบคุมอากาศยาน หรือผู้รับมอบอำนาจจากผู้ควบคุมอากาศยาน หรือตัวแทนอากาศยานทำการรายงานอากาศยานเข้า ขออนุมัติเปิดระวางอากาศยาน และการยื่นบัญชีสินค้าสำหรับอากาศยานทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้
- การรายงานอากาศยานที่เข้ามาในราชอาณาจักร
- 1.1. ภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากอากาศยานออกจากสนามบินต้นทาง ให้จัดทำข้อมูลการรายงานอากาศยานเข้าและการขอเปิดระวางอากาศยาน (Vessel Schedule : VSED) ตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนด และส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรโดยถือเป็นการยื่นรายงานอากาศยานเข้าต่อศุลกากรแล้ว
- 1.2. เมื่อระบบคอมพิวเตอร์ของกรมศุลกากรรับข้อมูลรายงานอากาศยานเข้าแล้ว จะแจ้งกลับเลขที่รับรายงานอากาศยานเข้า (Receive Control Number) ให้ทราบ ถือเป็นการอนุญาตพิเศษให้เปิดระวางอากาศยานเพื่อขนถ่ายของได้ทันที โดยระบบจะกำหนดพนักงานศุลกากรประจำอากาศยานเพื่อควบคุมการขนถ่ายสินค้าต่อไป
- ให้ตัวแทนอากาศยาน
- 2.1. จัดทำข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับอากาศยาน (Air Cargo Manifest : AMAN) ตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนด
- 2.2. จัดทำข้อมูลใบตราส่งสินค้าสำหรับอากาศยาน (Airway Bill : ABIL) ตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนด
- 2.3. โดยแยกข้อมูลบัญชีสินค้าถ่ายลำ บัญชีสินค้าผ่านแดน บัญชีสินค้าขนขึ้นสนามบินที่นำเข้า บัญชีสินค้าติดอากาศยาน (Through Cargo) และบัญชีของที่ขนขึ้นสนามบินอื่นภายในราชอาณาจักรนอกจากสนามบินที่เป็นด่านศุลกากรที่นำเข้า
- 2.4. แล้วส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรภายใต้เลขที่รับรายงานอากาศยานเข้า ภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากอากาศยานออกจากสนามบินต้นทาง
- เมื่อส่งข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับอากาศยานครบถ้วนแล้ว ให้ตัวแทนอากาศยานจัดทำข้อมูลวันนำเข้าจริง (Actual Date) ตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนด แล้วส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร เพื่อเป็นการยืนยันความถูกต้องของบัญชีสินค้าสำหรับอากาศยาน และถือเป็นการลงรายละเอียดไว้ในทะเบียนรับอากาศยานเข้าจากต่างประเทศ (แบบที่ 438) แล้ว
- การสำแดงเครื่องหมายและเลขหมายหีบห่อ (Shipping Marks) ในข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับอากาศยาน ถ้าข้อมูลเป็นรูปภาพให้บันทึกเป็น Picture แต่ถ้าเป็นข้อความให้บันทึกเป็นข้อความตามจริง ตามมาตรฐานที่ กรมศุลกากรกำหนด
- ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรจะตรวจสอบความถูกต้องเบื้องต้นกับแฟ้มข้อมูลอ้างอิง
- 5.1 ถ้าพบข้อผิดพลาดในการตรวจสอบความถูกต้องเบื้องต้น ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรจะตอบรหัสข้อผิดพลาดกลับไปให้ผู้ส่งข้อมูล
- 5.2 ถ้าไม่พบข้อผิดพลาด ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรจะนำข้อมูลเที่ยวบิน ของอากาศยานวันอากาศยานเข้า ข้อมูลเลขที่ใบตราส่งตามบัญชีสินค้าสำหรับอากาศยานที่ได้ทำการยืนยันความถูกต้องแล้ว เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตให้ผู้นำของเข้าทราบเพื่อดำเนินการต่อไป
ข้อ 20 การแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับอากาศยานทางอิเล็กทรอนิกส์
- ภายในกำหนดสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่ออกเลขที่รับรายงานอากาศยาน ให้ตัวแทนอากาศยาน สามารถส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรเพื่อแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้า สำหรับอากาศยานเข้าได้โดยไม่ต้องพิจารณาความผิด
- การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับอากาศยานภายหลังสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่ออกเลขที่รับ
รายงานอากาศยาน ให้ตัวแทนอากาศยานต้องจัดทำคำร้องขอแก้ไข (Amend Should Be /
Shortlanded / Overlanded) ยื่นต่อหน่วยงานบริการศุลกากร ณ สนามบินศุลกากรที่นำของเข้า
เพื่อพิจารณาอนุญาตเป็นการเฉพาะเป็นราย ๆ ไป แล้วให้พนักงานศุลกากรทำการบันทึกแก้ไขข้อมูล บัญชีสินค้าสำหรับอากาศยานในระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรต่อไป - กรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรได้ทำการตรวจสอบข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้ากับบัญชีสินค้า สำหรับอากาศยานและทำการตัดบัญชีสินค้าให้โดยอัตโนมัติแล้ว ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร จะไม่ยอมรับข้อมูลแก้ไขใบตราส่งดังกล่าวนั้นอีก
ข้อ 21 การดำเนินการกับสินค้าสำหรับอากาศยานกรณีอื่น ๆ โดยมิได้ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
- การนำของเข้าเก็บในโรงพักสินค้าของแต่ละบริษัทการบิน ให้อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนบริการศุลกากรนำเข้าที่จะควบคุมการเก็บรักษา
- สินค้าถ่ายลำให้จัดทำใบขนสินค้าถ่ายลำกำกับไว้ก่อนทุกราย เมื่อได้ตรวจสอบ และลงลายมือชื่อรับรองใบขนสินค้าถ่ายลำถูกต้องเรียบร้อยแล้ว นำมาให้พนักงานศุลกากรตรวจสอบกับข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร โดยถือเป็นการลงบัญชีสินค้าถ่ายลำขาเข้า – ขาออก (แบบที่ 489) ก่อนการนำเข้าเก็บไว้ในโรงพักสินค้าของบริษัทการบิน โดยให้แยกเก็บไว้ต่างหากจากของนำเข้าสนามบินนั้น
- เสบียงที่ส่งเข้ามา เพื่อใช้เป็นเสบียงบนอากาศยานที่จะบินออกไปต่างประเทศ
- 3.1. ต้องนำเข้ามาโดยอากาศยานของบริษัทการบินเจ้าของเสบียงนั้น และเป็นของตามรายการที่ได้ตกลงกันไว้ในบัญชีแนบท้ายสัญญาประกันทัณฑ์บน
- 3.2. ให้มีบัญชีสินค้าแยกมาต่างหากจากบัญชีสินค้าทั่ว ๆ ไปทางอากาศยาน
- 3.3. การนำของเข้าเก็บ บริษัทการบินเจ้าของเสบียงจะต้องทำใบขนสินค้าถ่ายลำเป็นสองฉบับ นำมาให้พนักงานศุลกากรตรวจสอบกับข้อมูลบัญชีสินค้าในระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรโดยถือเป็นการลงบัญชีสินค้าถ่ายลำขาเข้า-ขาออก (แบบที่ 489) ก่อนควบคุมเข้าเก็บรักษายังคลังเสบียงทัณฑ์บนของบริษัทการบินต่อไป
สำหรับอากาศยานที่มีผู้โดยสาร และ/หรือลูกเรือ นอกจากการรายงานอากาศยานเข้า ให้ผู้ควบคุมอากาศยาน หรือผู้รับมอบอำนาจจากผู้ควบคุมอากาศยาน หรือตัวแทนอากาศยาน ดำเนินการดังนี้ข้อ 22 การยื่นบัญชีรายชื่อผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ
ส่วนที่ 3 การรายงานยานพาหนะเข้าและการยื่นบัญชีสินค้าทางบก
ข้อ 23 การลงทะเบียนเป็นผู้ยื่นรายงานยานพาหนะเข้าทางอิเล็กทรอนิกส์
- ให้ผู้รับผิดชอบการขนส่งสินค้าทางบก หรือของเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองยานพาหนะที่ขนส่งทางบก ทำการลงทะเบียนเป็นผู้ยื่นรายงานยานพาหนะเข้าทางอิเล็กทรอนิกส์
- เมื่อได้รับอนุมัติจากกรมศุลกากรให้เป็นผู้รับส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้ได้รับอนุมัติดังกล่าวเป็นผู้ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร
ข้อ 24 ยื่นรายงานยานพาหนะที่ขนส่งสินค้าผ่านพรมแดนทางบกเข้ามา ในราชอาณาจักร
ข้อ 24 ให้ผู้รับผิดชอบการขนส่งสินค้าทางบก หรือเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองยานพาหนะ ที่ขนส่งทางบก ที่ประสงค์จะยื่นรายงานยานพาหนะที่ขนส่งสินค้าผ่านพรมแดนทางบกเข้ามาในราชอาณาจักร และยื่นบัญชีสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ ดำเนินการดังนี้
- ก่อนนำยานพาหนะผ่านด่านพรมแดนทางบกเข้ามาในราชอาณาจักร ให้จัดทำข้อมูลบัญชีสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรทางบกตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนด และส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร
- ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรจะตรวจสอบความถูกต้องเบื้องต้นกับแฟ้มข้อมูลอ้างอิง
- 2.1. ถ้าพบข้อผิดพลาดในการตรวจสอบความถูกต้องเบื้องต้น ระบบคอมพิวเตอร์ ของศุลกากรจะตอบรหัสข้อผิดพลาดกลับไปให้ผู้ส่งข้อมูล ถ้าไม่พบข้อผิดพลาดระบบคอมพิวเตอร์ ของศุลกากรจะออกเลขที่รับรายงานยานพาหนะและบัญชีสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (Receive Control Number) ให้ผู้ส่งข้อมูลทราบ
- 2.2. ให้ใช้เลขที่รับรายงานดังกล่าว เป็นใบอนุญาตเพื่อแจ้งต่อด่านพรมแดนในการตรวจเพื่อนำยานพาหนะผ่านเขตแดนทางบกต่อไป โดยไม่ต้องยื่นบัญชีสินค้า (แบบ ศ.บ.1) อีก
ข้อ 25 การแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าทางบกที่ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
- ผู้ส่งข้อมูลสามารถส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรเพื่อแก้ไข ข้อมูลบัญชีสินค้าทางบกเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรได้ ก่อนการนำยานพาหนะผ่านด่านพรมแดนทางบกเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่ต้องพิจารณาความผิด
- การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าทางบก ภายหลังการนำยานพาหนะผ่านด่านพรมแดนทางบกเข้ามาในราชอาณาจักรแล้ว ต้องจัดทำคำร้องขอแก้ไขยื่นต่อหน่วยควบคุมทางศุลกากร ณ ด่านศุลกากรที่นำของเข้า เพื่อพิจารณาอนุญาตเป็นการเฉพาะเป็นราย ๆ แล้วให้พนักงานศุลกากรทำการบันทึก แก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าทางบกในระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรต่อไป
- หากระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรได้ทำการตรวจสอบข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้ากับบัญชี สินค้าทางบกและทำการตัดบัญชีสินค้าให้โดยอัตโนมัติแล้ว ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรจะไม่ยอมรับข้อมูลแก้ไขบัญชีสินค้าดังกล่าวอีก
ข้อ 26 การรายงานยานพาหนะและการยื่นบัญชีสินค้าทางบกเข้ามาในราชอาณาจักร โดยมิได้ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
ส่วนที่ 4 การรายงานของเข้าและการยื่นบัญชีสินค้าทางรถไฟ
ข้อ 27 ให้ผู้รับผิดชอบการขนส่งสินค้าทางรถไฟ รายงานยานพาหนะที่ขนส่งสินค้าผ่านพรมแดนทางบกเข้ามาในราชอาณาจักร
ข้อ 27 ให้ผู้รับผิดชอบการขนส่งสินค้าทางรถไฟหรือตัวแทน รายงานยานพาหนะที่ขนส่งสินค้าผ่านพรมแดนทางบก เข้ามาในราชอาณาจักรและยื่นบัญชีสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังนี้
- การรายงานยานพาหนะเข้าและบัญชีสินค้า ให้ส่งข้อมูลล่วงหน้าก่อนรถไฟเข้ามาในราชอาณาจักรไม่น้อยกว่าหกชั่วโมง
- การจัดทำข้อมูลรายงานยานพาหนะเข้าสำเร็จให้ระบุวันนำเข้าจริง เมื่อรถไฟได้เข้ามาถึงเขตด่านพรมแดน เว้นแต่ กรณีนำเข้าทางด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ และด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก ให้ถือว่าน่าเข้าจริงเมื่อรถไฟได้ผ่านสถานีรถไฟร่วมระหว่างประเทศที่ด่านพรมแดน
- การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับรถไฟภายหลังสี่สิบแปดชั่วโมง นับแต่วันที่นำเข้าจริงตาม (2) ให้จัดทำคำร้องขอแก้ไขยื่นต่อหน่วยงานควบคุมทางศุลกากร ณ ด่านศุลกากรที่นำเข้า เพื่อพิจารณาอนุญาตเป็นการเฉพาะเป็นราย ๆ ไป แล้วให้พนักงานศุลกากรทำการบันทึกแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับรถไฟในระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรต่อไป ให้นำเรื่องการรายงานเรือเข้าและการยื่นบัญชีสินค้าสำหรับเรือมาใช้บังคับ กับการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง โดยอนุโลม”
ข้อ 27 แก้ไขตาม ประกาศกรมศุลกากร ที่ 73/2565 เรื่อง การปฏิบัติพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 4)
ส่วนที่ 5 การรายงานของเข้าและการยื่นบัญชีสินค้าทางไปรษณีย์
ข้อ 28 การควบคุมทางไปรษณียภัณฑ์จากต่างประเทศ
การเปิดถุงไปรษณีย์ต่างประเทศทุกชนิด ให้หน่วยงานตรวจคัดไปรษณียภัณฑ์ดำเนินการร่วมกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ทุกครั้ง ด่านศุลกากรที่มีชื่อส่งของถึงเพื่อพิจารณาอนุญาตเป็นการเฉพาะเป็นราย ๆ ไป แล้วให้พนักงานศุลกากรทำการบันทึกแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าสำหรับเรือในระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรต่อไป
ข้อ 29 การตรวจคัดสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ
ให้หน่วยงานตรวจคัดไปรษณียภัณฑ์ ร่วมกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดถุงไปรษณีย์ต่างประเทศแยกสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ที่ได้เปิดถุงแล้ว ออกเป็นสามประเภท คือ
- ประเภทที่หนึ่ง ของยกเว้นอากร คือของที่นำเข้าโดยทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ซึ่งแต่ละหีบห่อมีราคารวมค่าขนส่งและค่าประกันภัยไม่เกินหนึ่งพันห้าร้อยบาท ตามประเภท 12 ภาค 4 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 หรือตัวอย่างสินค้าที่ใช้ได้เพียงเป็นตัวอย่างและไม่มีราคาในทางการค้า ตามประเภท 14 ภาค 4 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 และไม่เป็นของต้องห้ามต้องกำกัด สิ่งของส่งทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศที่คัดแยกไว้ตามประเภทที่หนึ่ง ให้ส่งคืนบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อนำจ่ายต่อไป
- ประเภทที่สอง ของต้องชำระอากร คือของที่นำเข้าโดยทางไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ซึ่งส่งจากผู้ส่งคนหนึ่งถึงผู้รับคนหนึ่งในคราวเดียวกัน หรือเข้ามาพร้อมกัน ไม่ว่าจะมีจำนวนกี่หีบห่อ หากมีราคา FOB รวมกันไม่เกินสี่หมื่นบาท และไม่เป็นของต้องห้าม ต้องกำกัด หรือของที่ต้องส่งตัวอย่างวิเคราะห์สินค้าก่อนปล่อย ให้พนักงานศุลกากรเปิดตรวจและประเมินอากร
- ให้นำสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ที่คัดแยกไว้ตามประเภทที่สอง บันทึกข้อมูลในส่วนการบันทึกข้อมูล สิ่งของส่งทางไปรษณีย์ประเภทที่สอง ของระบบศุลกากรไปรษณีย์
- ระบบศุลกากรไปรษณีย์จะกำหนดเลขที่รายการศุลกากรให้โดยอัตโนมัติ
- แล้วส่งมอบสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ประเภทที่สอง พร้อมบัญชีพัสดุและไปรษณียภัณฑ์อื่น ๆ ที่เปิดตรวจและประเมินอากรแล้ว (แบบที่ 495) ให้แก่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อส่งมอบผู้รับ และเรียกค่าภาษีอากรแทนกรมศุลกากรต่อไป
- ประเภทที่สาม ของอื่น ๆ นอกจากประเภทที่หนึ่ง และประเภทที่สอง
- ให้นำสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ที่คัดแยกไว้ตามประเภทที่สาม บันทึกข้อมูลในส่วนของการบันทึกข้อมูลสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ประเภทที่สามของระบบศุลกากรไปรษณีย์
- ระบบศุลกากรไปรษณีย์จะกำหนดเลขที่รายการศุลกากรให้โดยอัตโนมัติ
- แล้วส่งมอบสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ประเภทที่สาม พร้อมบัญชีกำกับไปรษณียภัณฑ์ต้องเสียอากรหรือต้องห้ามต้องกำกัด (แบบที่ 431) ให้แก่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อนำเข้าเก็บรักษาในโรงพักสินค้าของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือส่งไปที่สำนัก/ด่านศุลกากรแล้วแต่กรณี เพื่อปฏิบัติพิธีการศุลกากรให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไป
- ให้พนักงานศุลกากรหน่วยตรวจคัดไปรษณียภัณฑ์ ทำการบันทึกเลือกสิ่งของ ส่งทางไปรษณีย์ประเภทที่สาม ที่ต้องจัดทำเป็นใบขนสินค้าขาเข้า และส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร เพื่อใช้เป็นข้อมูลรายงานขาเข้าและบัญชีสินค้าทางไปรษณีย์ต่อไป
ส่วนที่ 6 การรายงานของเข้าและการยื่นบัญชีสินค้าสำหรับของที่ขนส่งทางท่อหรือสายส่งไฟฟ้า
ข้อ 30 การลงทะเบียนเป็นผู้ยื่นรายงานการขนส่งสินค้าทางท่อหรือสายส่งไฟฟ้า ทางอิเล็กทรอนิกส์
- ให้ผู้รับผิดชอบการขนส่งสินค้าทางท่อหรือสายส่งไฟฟ้า หรือเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองสินค้าที่ขนส่งทางท่อหรือสายส่งไฟฟ้า ทำการลงทะเบียนเป็นผู้ยื่นรายงานบัญชีสินค้าเข้าทางอิเล็กทรอนิกส์
- เมื่อได้รับอนุมัติจากกรมศุลกากรให้เป็นผู้รับส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้ได้รับอนุมัติดังกล่าวเป็นผู้ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร
ข้อ 31 ให้ผู้รับผิดชอบการขนส่งสินค้าทางท่อหรือสายส่งไฟฟ้า ยื่นรายงานการนำเข้า
ข้อ 31 ให้ผู้รับผิดชอบการขนส่งสินค้าทางท่อหรือสายส่งไฟฟ้า หรือเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองสินค้าที่ขนส่งทางท่อหรือสายส่งไฟฟ้า ประสงค์จะยื่นรายงานการนำเข้าและยื่นบัญชีสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ดำเนินการ ดังนี้
- กรณีการยื่นใบขนสินค้าและการเสียอากรสำหรับการขนส่งสินค้าทางท่อ
- 1.1. ให้ยื่นรายงานการนำเข้าและยื่นบัญชีสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร โดยจัดทำข้อมูลบัญชีสินค้าประมาณการสำหรับการนำเข้าประจำเดือน ภายในวันที่หนึ่งของเดือนที่นำของเข้า และเมื่อระบบคอมพิวเตอร์นั้นทำการออกเลขที่รับรายงานการนำเข้าและบัญชีสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรแล้ว ให้ใช้เลขที่รับรายงานดังกล่าวเป็นเลขที่บัญชีสินค้า สำหรับการขนส่งทางท่อในการจัดทำข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าเป็นรายเดือนไม่เกินวันที่สิบห้าของเดือนถัดจากเดือนที่นำของเข้า
- 1.2. การยื่นใบขนสินค้าขาเข้าอย่างน้อยต้องมีเอกสารประกอบ ดังต่อไปนี้
- (ก) บัญชีราคาสินค้ารายเดือน (monthly invoice)
- (ข) ใบรับรองปริมาณก๊าซธรรมชาติรายเดือน (monthly statement, daily sales breakdown)
- 1.3. ให้ผู้นำของเข้าวางประกันค่าอากรให้คุ้มกับค่าอากรที่คำนวณได้จากปริมาณก๊าซธรรมชาติที่นำเข้าแต่ละเดือนด้วยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
- (ก) เป็นเงินสด
- (ข) ให้ธนาคารค้ำประกัน
- (ค) ทำสัญญาประกันทัณฑ์บน
- (ง) วางประกันโดยหลักประกันอื่น ในการวางประกันตามข้อ 1.3. (ข) (ค) และ (ง) ให้สำนักงานหรือด่านศุลกากร ณ ท่าหรือที่ ที่นำของเข้าเสนอเรื่องให้ผู้อำนวยการสำนักงานหรือนายด่านศุลกากรที่กำกับดูแลเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ
- 1.4. ให้ผู้นำของเข้าจัดทำใบขนสินค้าขาเข้าและชำระอากรให้ครบถ้วนภายในวันที่สิบห้าของเดือนถัดจากเดือนที่นำของเข้า
- 1.5. การตรวจวัดประมาณก๊าซธรรมชาติที่นำเข้า ให้ใช้วิธีการตรวจวัดโดยผ่านมาตรวัด (Flow meter) จะถูกวัดตั้งแต่เวลา 00.00 น. ของวันแรกของเดือนถึงเวลา 24.00 น. ของวันสุดท้ายของเดือนตามที่ระบุไว้ในสัญญาการซื้อขายก๊าซธรรมชาติ ณ จุดที่ความรับผิดทางภาษีเกิดขึ้น และให้สำแดงน้ำหนักของก๊าซธรรมชาติเป็นกิโลกรัม หากรายงานการคำนวณน้ำหนักเป็นหน่วยอื่น ให้ผู้นำของเข้าแปลเป็นหน่วยกิโลกรัม การคำนวณหาน้ำหนักให้ใช้ระบบมาตรฐานสถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกา (American Petroleum Institute (API)) ระบบมาตรฐาน American Gas Association (AGA) หรือมาตรฐานสากลอื่น
- กรณีการยื่นใบขนสินค้าและการเสียอากรสำหรับพลังงานไฟฟ้าที่ขนส่งทางสายส่งไฟฟ้า
- 2.1 ให้ยื่นรายงานการนำเข้าและยื่นบัญชีสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยจัดทำข้อมูลบัญชีสินค้าตามมาตรฐานที่กรมศุลกากรกำหนด ส่งข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าเป็นรายเดือนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร และปฏิบัติพิธีการศุลกากรให้ครบถ้วนภายในวันที่สิบห้าของเดือนถัดจากเดือนที่นำของเข้า
- 2.2 การยื่นใบขนสินค้าขาเข้า อย่างน้อยต้องมีเอกสารประกอบ ดังต่อไปนี้
- (ก) บัญชีสินค้า
- (ข) บัญชีราคาสินค้า (invoice)
- (ค) ข้อมูลยืนยันปริมาณและมูลค่าพลังงานไฟฟ้าที่นำเข้ารายเดือน (monthly confirmation statement)
- 2.3 การตรวจวัดปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่นำเข้า ให้ใช้วิธีการตรวจวัดหรือคำนวณโดยใช้ค่าที่อ่านได้จากมิเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้ง ณ ประเทศผู้ส่งออกหรือประเทศผู้นำเข้า
- ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรจะตรวจสอบความถูกต้องเบื้องต้นกับแฟ้มข้อมูลอ้างอิง ถ้าพบข้อผิดพลาดในการตรวจสอบความถูกต้องเบื้องต้น ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรจะตอบรหัสข้อผิดพลาดกลับไปให้ผู้ส่งข้อมูล ถ้าไม่พบข้อผิดพลาดระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรจะออกเลขที่รับรายงานการนำเข้าและบัญชีสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรให้ผู้ส่งข้อมูลทราบ
ข้อ 32 การแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าทางท่อส่งหรือสายส่งไฟฟ้าทางอิเล็กทรอนิกส์
- ผู้ส่งข้อมูลสามารถส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรเพื่อแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าทางท่อส่งหรือสายส่งไฟฟ้าเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรได้ ก่อนการยื่นใบขนสินค้าขาเข้าสำหรับการนำเข้าของในเดือนนั้น โดยไม่ต้องพิจารณาความผิด
- การขอแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าทางท่อส่งหรือสายส่งไฟฟ้า ภายหลังการยื่นใบขนสินค้าขาเข้าสำหรับของที่ขนส่งทางท่อส่งหรือสายส่งไฟฟ้าแล้ว ต้องจัดทำคำร้องขอแก้ไขยื่นต่อหน่วยควบคุมทางศุลกากร ณ ด่านศุลกากรที่นำของเข้า เพื่อพิจารณาอนุญาตเป็นการเฉพาะเป็นราย ๆ แล้วให้พนักงานศุลกากรทำการบันทึกแก้ไขข้อมูลบัญชีสินค้าทางท่อส่งหรือสายส่งไฟฟ้าในระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร ต่อไป
- หากระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรได้ทำการตรวจสอบข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้ากับบัญชีสินค้าทางท่อส่งหรือสายส่งไฟฟ้าและทำการตัดบัญชีสินค้าให้โดยอัตโนมัติแล้ว ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรจะไม่ยอมรับข้อมูลแก้ไขบัญชีสินค้าดังกล่าวอีก