ของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรและเสียอากรแล้ว หากส่งของนั้นกลับออกไปนอกราชอาณาจักร หรือส่งไปเป็นของใช้สิ้นเปลืองในเรือหรืออากาศยาน ที่เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรให้มีสิทธิขอคืนอากรขาเข้าสำหรับของนั้นเก้าในสิบส่วน หรือส่วนที่เกินหนึ่งพันบาทของจำนวนที่ได้เรียกเก็บไว้โดยคำนวณตาม ใบขนสินค้าขาออกแต่ละฉบับ แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่าตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
- ต้องพิสูจน์ได้ว่าเป็นของรายเดียวกันกับที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร
- ต้องไม่นำของนั้นไปใช้ประโยชน์ในระหว่างที่อยู่ในราชอาณาจักร เว้นแต่การใช้ประโยชน์เพื่อส่งของนั้นกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และมิได้เปลี่ยนแปลงสภาพหรือลักษณะแห่งของนั้น
- ได้ส่งของนั้นกลับออกไปนอกราชอาณาจักรภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่นำของนั้นเข้ามาในราชอาณาจักร และ
- ต้องขอคืนอากรภายในกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ส่งของนั้นกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ให้ผู้ขอคืนอากร จัดทำและส่งข้อมูลใบขนสินค้าโดยระบุค่าดังนี้
วิธีการคำนวณ
-
ให้จัดทำใบขนสินค้าขาเข้าก่อน และนำเลขที่ใบขนสินค้าขาเข้าพร้อมรายการไปบันทึกไว้ในใบขนสินค้าขาออก
-
กรณีของที่จะส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร อยู่นอกอารักขาของศุลกากรแล้ว ให้ทำใบขนสินค้าขาเข้าปกติ และจัดทำใบขนสินค้าขาออกโดยระบุในแต่ละรายการที่ส่งออกเป็น Re-Export และให้ระบุเลขที่ใบขนสินค้าขาเข้าพร้อมรายการ แล้วไปดำเนินการขอคืนอากรในระบบคืนอากรทั่วไปเมื่อส่งออกเรียบร้อยแล้ว
-
กรณีของที่จะส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรเพียงบางส่วน อนุญาตให้ทำ Re-Export ในอารักขาโดยให้ ชำระค่าภาษีอากรหนึ่งใน 10 หรือไม่เกิน 1,000 บาท ต่อใบขนสินค้าขาเข้า เฉพาะกรณีที่สามารถแยก D/O ได้เท่านั้น
กรณียังมิได้มีการปล่อย
กรณีของที่จะส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรยังมิได้มีการปล่อยออกไปจากอารักขาของศุลกากร ให้บันทึกข้อมูลใบขนสินค้าขาเข้าดังนี้
- ระบุ Re-Export = Y ที่ส่วนรายการในใบขนสินค้าทุกรายการ
- มีเงื่อนไขต้องส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรทั้งฉบับ โดยให้ ชำระค่าภาษีอากรหนึ่งใน 10 หรือไม่เกิน 1,000 บาท ต่อใบขนสินค้าขาเข้า
- ระบุ Privilege Code ตามสิทธิที่มีขณะนำเข้า เช่น มาตรา 12, WTO, TAU, AFTA เป็นต้น
- ระบุTariff Code พิกัดอัตราศุลกากร ให้ตรงกับชนิดของที่จะส่งกลับออกไป
- อัตราอากร ใช้ Tariff Code และ Tariff Sequence ไปอ่านอัตราอากรที่ Table REFDRT
วิธีปฏิบัติ
ผู้ส่งของออกจะต้องยื่นคำร้องแสดงเหตุผลในการขอส่งกลับออกไปโดยขอใช้สิทธิ การชำระอากรของ Re-export พร้อมใบขนสินค้าดังนี้
อยู่ในอารักขา
การส่งของกลับออกไปโดยที่ของยังอยู่ในอารักขาของศุลกากร (ยังมิได้นำของออกไปจากศุลกากร)
ให้ยื่นใบขนสินค้าขาเข้าและใบขนสินค้าขาออกพร้อมกันต่อหน่วยงานพิธีการของ ท่าที่นำเข้า เพื่อขออนุมัติให้ทำ Re-export ก่อนที่จะให้ หน่วยงานตรวจปล่อยดำเนินการต่อไป การเรียกเก็บอากรขาเข้าแยกเป็น 3 กรณี
- ถ้าผู้ส่งของออกส่งของออกทางท่าเดียวกับที่นำเข้า เช่น นำเข้าทางท่าเรือกรุงเทพและ ส่งออกทางท่าเรือกรุงเทพ ให้ชำระเฉพาะอากรขาเข้าเพียง 1 ใน 10 ส่วน แต่ไม่เกิน 1,000 บาท ตัวอย่างเช่น
- มูลค่าอากรของ ๆ นั้นเมื่อนำเข้าเท่ากับ 9,00 บาท ก็ชำระอากรเพียง 950 บาท
- กรณีที่มูลค่าอากรเกินกว่า 10,000 บาท เช่น 15,000 บาท จำนวนเงิน 1 ใน 10 คือ 1,500 บาท แต่เป็นจำนวนเงินที่เกินกว่า 1,000 บาท จึงชำระอากร เพียง 1,000บาทเท่านั้น
-
หากผู้ส่งของออกส่งของออกทางท่าอื่นซึ่งมิใช่ท่าที่นำเข้า เช่น นำเข้าที่ท่าเรือกรุงเทพ แต่ส่งออกที่ท่าเรือแหลมฉบัง จะต้องชำระภาษีอากรต่างๆให้ครบถ้วนก่อน เมื่อได้ส่งของกลับออกไปแล้วจึงขอคืนอากร 9 ใน 10 ส่วน หรือส่วนที่เกิน 1,000 บาท เว้นแต่จะเป็นการใช้สิทธิตัวแทนออกของรับอนุญาต ในการปฏิบัติพิธีการ จึงจะสามารถชำระเฉพาะอากรขาเข้า 1 ใน 10 ส่วน แต่ไม่เกิน 1,000 บาท ได้ เช่นกรณีชำระอากรไว้ 9,500 บาท เมื่อได้ส่งของกลับออกไปแล้วจะขอคืนได้ 8,550 บาท หรือชำระอากรไว้ 15,000 บาทจะขอคืนได้ 14,000 บาท เป็นต้น การที่มีระเบียบปฏิบัติเช่นนี้ก็เนื่องจากการส่งออกต่างท่านั้น จะต้องนำสินค้าออกจากท่าหนึ่งไปยังอีกท่าหนึ่ง ซึ่งทำให้ยากแก่การควบคุมผู้ส่งออกอาจจะไม่ส่งของออกไปจริง ดังนั้นจึงให้ชำระภาษีให้ครบถ้วนก่อน แล้วมาขอคืนในภายหลังเมื่อพิสูจน์ได้ว่าส่งออกจริง.
-
กรณีของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรจนกลายเป็นของตกค้างตามกฎหมายแล้ว (เกิน 2 เดือน 15 วัน) ผู้ส่งของออกจะต้องชำระอากรขาเข้าให้ครบถ้วนก่อนแล้วจึงขอคืนอากรในภายหลัง เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากกรมศุลกากรให้ไม่ต้องชำระอากรเต็มจำนวน
อยู่นอกอารักขา
การส่งของกลับออกไปโดยที่อยู่นอกอารักขาของศุลกากร (ของที่ตรวจปล่อยไปจากศุลกากรแล้ว)
ผู้ส่งของออกจะต้องยื่นใบขนสินค้าขาออกตามปกติ ที่หน่วยงานพิธีการของท่าที่ส่งออกพร้อมคำร้องขออนุมัติทำ Re-export เจ้าหน้าที่จะนำใบขนสินค้าขาเข้าของสินค้ารายนี้ มาประกอบการพิจารณาเพื่อ อนุมัติให้ต่อไป
เมื่อได้รับอนุมัติแล้วจึงสามารถส่งของนั้นกลับออกไปได้และขอรับภาษีอากรที่ ได้ชำระไว้แล้วต่อไป การคืนอากรเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น คือ คืนอากรให้ 9 ใน 10 ส่วน หรือส่วนที่เกิน 1,000.- บาท ตัวอย่างเช่น ถ้าชำระอากรไว้ 9,500.- บาท จะคืนให้ 8,550.- บาท (9 ใน 10 ส่วน) หรือชำระอากรไว้ 15,000.- บาท จะคืนให้ 14,000.- บาท (ส่วนที่เกิน 1,000.- บาท)
ให้บันทึกข้อมูลในใบขนสินค้าขาออกดังนี้
- Re-Export = Y (ในส่วนของ Export Declaration Detail)
- Privilege Code = 003
- Export Tariff = 9PART3
- Tariff Code = บันทึกพิกัดศุลกากรให้ตรงกับชนิดของของที่ส่งออก
- Declaration NO = เลขที่ใบขนสินค้าขาเข้าที่อ้างถึง ซึ่งนําของเข้ามาตามมาตรา 28
- Declaration Line Number = รายการในใบขนสินค้าขาเข้าที่อ้างถึง